รู้จัก “The Great Hesitation” เมื่อการสมัครงานสายเทคทำได้ยากขึ้น
Body
ถ้ารู้สึกว่าการหางานในสายเทคช่วงนี้มันยากขึ้นจริง ๆ บอกเลยว่าไม่ได้คิดไปเอง เพราะตอนนี้หลายคนกำลังเจอทั้งเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน การเลย์ออฟที่ต่อเนื่อง และกระแส AI มาแทนที่คนทำงานกำลังมาแรงมาก ๆ ทำให้บริษัทเทคส่วนใหญ่ชะลอการจ้างงานลง แถมยังตั้งมาตรฐานสูงกว่าที่เคยอีกต่างหาก
ตลาดแรงงานเทคที่เคยเฟื่องฟู กำลังชะลอตัวลงแบบปฏิเสธไม่ได้ จึงเกิดสิ่งที่หลายคนเรียกว่า "The Great Hesitation" หรือ "ภาวะลังเลยิ่งใหญ่" ที่ทำให้การจ้างงานใหม่หยุดชะงักและเข้มงวดขึ้น
ตำแหน่งน้อยลง แข่งขันสูงขึ้น ปลดคนต่อเนื่อง
ทุกวันนี้บริษัทเทคส่วนใหญ่ระวังตัวสุด ๆ เวลาจะจ้างใครสักคน บางที่กระบวนการสัมภาษณ์ยาวเป็นเดือน และจะรับเฉพาะตำแหน่งที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น แถมยังคาดหวังว่าผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติเป๊ะทุกข้อ บางครั้งยังต้องมีมากกว่าที่ระบุไว้ด้วยซ้ำ
เช่นในสหรัฐฯ การจ้างงานสายเทคทุกภาคส่วนลดลงประมาณ 214,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ตามข้อมูลของสมาคมการค้าเทคโนโลยี CompTIA
คนที่มีงานอยู่แล้วก็เลือกจะอยู่กับที่ รอดูสถานการณ์และพยายามปรับตัวให้เข้ากับโลกที่ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ส่วนคนที่หางานก็เจออุปสรรคสารพัด ทั้งต้องแจ้งเงินเดือนตั้งแต่โทรคุยรอบแรก ไปจนถึงโดน AI กรองเรซูเมก่อนจะถึงมือคนจริง ๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ AI แม้ทำให้เกิดโอกาสใหม่ก็จริง แต่ก็ทำให้หลายตำแหน่งหายไป โดยเฉพาะสายไอทีระดับเริ่มต้นอย่างโปรแกรมเมอร์ หรือนักวิเคราะห์ระบบ ที่ตอนนี้ AI ทำแทนได้แล้ว
ข้อมูลจาก LinkedIn พบว่า ในช่วงแปดปีที่ผ่านมา การจ้างงานผู้มีความสามารถด้าน AI เพิ่มขึ้น 640% ในสหรัฐฯ ซึ่งจากเทรนด์นี้เอง บางบริษัทถึงขั้นบอกว่า จะอนุมัติให้จ้างได้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถใช้ AI ทำงานแทนได้จริง ๆ และการมีทักษะ AI ตอนนี้กลายเป็นเรื่องจำเป็นไปแล้ว
นอกจากนี้ ถึงจะมีการจ้างงานในบางบริษัท แต่บริษัทเทคหันมาจ้างพนักงานแบบสัญญาจ้างมากขึ้น เพราะประหยัด และยืดหยุ่นกว่า ไม่ต้องเสี่ยงรับใครแบบถาวร
คนเก่งก็ยังโดนปัดตก
แม้แต่คนที่มีวุฒิสูง ๆ หรือมีประสบการณ์ในสาย AI ก็ยังไม่ได้งานง่าย ๆ บางคนส่งเรซูเมไปก็ไม่ผ่านระบบกรอง เพราะไม่ได้ใส่คำสำคัญที่ระบบคัดเลือกมองหา แถมตำแหน่งระดับกลางก็แทบไม่เปิดรับเลย
วิศวกรระดับสูงยังเป็นที่ต้องการอยู่ แต่บทบาทในตอนนี้เปลี่ยนไป ต้องควบคุมดูแลโค้ดที่ AI สร้างขึ้น และทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้ตามที่องค์กรต้องการ
ที่มา: Wall Street Journal, Forbes
boompw Wed, 04/06/2025 - 20:45
Continue reading...
Body
ถ้ารู้สึกว่าการหางานในสายเทคช่วงนี้มันยากขึ้นจริง ๆ บอกเลยว่าไม่ได้คิดไปเอง เพราะตอนนี้หลายคนกำลังเจอทั้งเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน การเลย์ออฟที่ต่อเนื่อง และกระแส AI มาแทนที่คนทำงานกำลังมาแรงมาก ๆ ทำให้บริษัทเทคส่วนใหญ่ชะลอการจ้างงานลง แถมยังตั้งมาตรฐานสูงกว่าที่เคยอีกต่างหาก
ตลาดแรงงานเทคที่เคยเฟื่องฟู กำลังชะลอตัวลงแบบปฏิเสธไม่ได้ จึงเกิดสิ่งที่หลายคนเรียกว่า "The Great Hesitation" หรือ "ภาวะลังเลยิ่งใหญ่" ที่ทำให้การจ้างงานใหม่หยุดชะงักและเข้มงวดขึ้น
ตำแหน่งน้อยลง แข่งขันสูงขึ้น ปลดคนต่อเนื่อง
ทุกวันนี้บริษัทเทคส่วนใหญ่ระวังตัวสุด ๆ เวลาจะจ้างใครสักคน บางที่กระบวนการสัมภาษณ์ยาวเป็นเดือน และจะรับเฉพาะตำแหน่งที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น แถมยังคาดหวังว่าผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติเป๊ะทุกข้อ บางครั้งยังต้องมีมากกว่าที่ระบุไว้ด้วยซ้ำ
เช่นในสหรัฐฯ การจ้างงานสายเทคทุกภาคส่วนลดลงประมาณ 214,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ตามข้อมูลของสมาคมการค้าเทคโนโลยี CompTIA
คนที่มีงานอยู่แล้วก็เลือกจะอยู่กับที่ รอดูสถานการณ์และพยายามปรับตัวให้เข้ากับโลกที่ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ส่วนคนที่หางานก็เจออุปสรรคสารพัด ทั้งต้องแจ้งเงินเดือนตั้งแต่โทรคุยรอบแรก ไปจนถึงโดน AI กรองเรซูเมก่อนจะถึงมือคนจริง ๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ AI แม้ทำให้เกิดโอกาสใหม่ก็จริง แต่ก็ทำให้หลายตำแหน่งหายไป โดยเฉพาะสายไอทีระดับเริ่มต้นอย่างโปรแกรมเมอร์ หรือนักวิเคราะห์ระบบ ที่ตอนนี้ AI ทำแทนได้แล้ว
ข้อมูลจาก LinkedIn พบว่า ในช่วงแปดปีที่ผ่านมา การจ้างงานผู้มีความสามารถด้าน AI เพิ่มขึ้น 640% ในสหรัฐฯ ซึ่งจากเทรนด์นี้เอง บางบริษัทถึงขั้นบอกว่า จะอนุมัติให้จ้างได้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถใช้ AI ทำงานแทนได้จริง ๆ และการมีทักษะ AI ตอนนี้กลายเป็นเรื่องจำเป็นไปแล้ว
นอกจากนี้ ถึงจะมีการจ้างงานในบางบริษัท แต่บริษัทเทคหันมาจ้างพนักงานแบบสัญญาจ้างมากขึ้น เพราะประหยัด และยืดหยุ่นกว่า ไม่ต้องเสี่ยงรับใครแบบถาวร
คนเก่งก็ยังโดนปัดตก
แม้แต่คนที่มีวุฒิสูง ๆ หรือมีประสบการณ์ในสาย AI ก็ยังไม่ได้งานง่าย ๆ บางคนส่งเรซูเมไปก็ไม่ผ่านระบบกรอง เพราะไม่ได้ใส่คำสำคัญที่ระบบคัดเลือกมองหา แถมตำแหน่งระดับกลางก็แทบไม่เปิดรับเลย
วิศวกรระดับสูงยังเป็นที่ต้องการอยู่ แต่บทบาทในตอนนี้เปลี่ยนไป ต้องควบคุมดูแลโค้ดที่ AI สร้างขึ้น และทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้ตามที่องค์กรต้องการ
ที่มา: Wall Street Journal, Forbes
boompw Wed, 04/06/2025 - 20:45
Continue reading...