กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see


News

news วงการ AI สหรัฐฯ จะเป็นอย่างไร ถ้า Trump ยังตัดงบวิจัยยับ เอื้อให้จีนยิ่งเติบโตจนอาจแซงหน้าได้

News 

Active member

Staff member
Moderator
Collaborate
วงการ AI สหรัฐฯ จะเป็นอย่างไร ถ้า Trump ยังตัดงบวิจัยยับ เอื้อให้จีนยิ่งเติบโตจนอาจแซงหน้าได้
Body

สาเหตุที่สหรัฐอเมริกามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สุดอย่าง ChatGPT, Claude, หรือจะ AlphaFold ส่วนหนี่งมาจากเงินสนับสนุนวิจัยที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ อัดฉีดให้กว่าหลายพันล้านดอลลาร์ฯ

ทุกอย่างกำลังไปได้สวย จนกระทั่ง Donald Trump เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง เพียงไม่กี่เดือน เขาทำให้อำนาจความเป็นผู้นำ AI ของสหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยง

นโยบายใหม่ของ Trump กำลังตัดแขนขาของวงการวิทยาศาสตร์ ด้วยการลดงบประมาณมหาศาล แช่แข็งโครงการ และทำให้ระบบที่เคยเป็นเสาหลักของนวัตกรรมเริ่มสั่นคลอน และอาจทำให้ประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ขึ้นมาแทนที่ได้

การตัดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัย

ความก้าวหน้าของ AI ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกิดจากการสนับสนุนทางการเงินระยะยาวจากหน่วยงานอย่าง National Science Foundation (NSF) และ National Institutes of Health (NIH) ซึ่งไม่ได้แค่สนับสนุนโครงการวิจัยเชิงลึกในมหาวิทยาลัย แต่ยังเปิดทางให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถทดลองแนวคิดใหม่ ๆ

ทำให้มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เป็นเหมือนฮับ ผลิตนักวิจัยระดับสูงมานานหลายทศวรรษ ด้วยเงินทุนจากรัฐบาลที่ช่วยให้พวกเขาพัฒนาแนวคิดที่มีความเสี่ยง และต้องใช้เวลานาน ซึ่งบริษัทเอกชนอาจไม่สามารถสนับสนุน หรือกล้าเสี่ยงพอที่จะลงทุนในตรงนี้ได้

อย่างไรก็ตาม นโยบายล่าสุดของ Trump เช่น การระงับการจ้างงาน ลดเงินสนับสนุนวิจัย และเข้มงวดด้านนโยบายตรวจคนเข้าเมือง (รวมถึงการควบคุมตัวนักศึกษาต่างชาติ) กำลังทำให้ระบบนี้อ่อนแอลง

นอกจากนี้ รัฐบาลยังปรับนโยบายให้เน้นไปที่การใช้งานที่มีผลกระทบสูง ซึ่งมุ่งเน้นผลลัพธ์เชิงพาณิชย์รวดเร็ว มากกว่าการค้นคว้าเพื่ออนาคต ทำให้นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ ประมาณ 75% กำลังพิจารณาย้ายไปทำงานในต่างประเทศ

คำพูดกับการกระทำที่ขัดแย้งกัน

Trump นำเสนอตัวเองว่าเป็นผู้สนับสนุน AI อย่างเต็มที่ โดยได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเสริมสร้าง และรักษาความเป็นผู้นำของอเมริกาใน AI รวมถึงเปิดตัวโครงการ Stargate ที่อ้างว่าเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

แต่นโยบายที่เขานำมาใช้ กลับขัดแย้งกับคำกล่าวเหล่านั้น ในขณะที่เขาเน้นไปที่สงครามการค้า และการลดข้อบังคับด้านเทคโนโลยี เขากลับลดการสนับสนุนเงินทุนสำหรับงานวิจัย AI ลงอย่างมาก และยกเลิกนโยบายของยุค Joe Biden ที่เคยช่วยให้สภาพแวดล้อมด้านงานวิจัยมีเสถียรภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนา AI ในอนาคต

ความเสี่ยงของการผูกขาด AI โดยเอกชน

การที่รัฐบาล Trump ระงับหรือยกเลิกเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์ฯ ลดจำนวนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานสำคัญ และขู่ระงับเงินสนับสนุนของมหาวิทยาลัยจากเหตุผลทางการเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องของการบริหารงบประมาณ แต่เป็นการทำลายกลไกพื้นฐานที่ขับเคลื่อนความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

เพราะเมื่องบประมาณจากรัฐบาลกลางลดลง บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในงานวิจัยด้าน AI แต่แม้ว่าบริษัทอย่าง Google และ OpenAI จะมีงบประมาณมหาศาล พวกเขาก็ยังมุ่งเน้นไปที่โครงการที่ให้ผลกำไรเป็นหลัก

หากขาดการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย AI อาจกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ถูกควบคุมโดยบริษัทเพียงไม่กี่แห่ง ส่งผลให้เกิดระบบผูกขาดทางเทคโนโลยี ซึ่งจำกัดความหลากหลายของแนวคิด และโอกาสในการพัฒนา AI ให้กว้างขึ้น

จีนไม่รอแล้ว เร่งเครื่องฉ่ำ ๆ

ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังถอนเงินทุนวิจัย แต่จีนกลับเดินหน้าเต็มที่เพื่อครองตลาด เห็นได้ชัด ๆ คือ DeepSeek โมเดล AI จีนที่ขึ้นว่ามีต้นทุนต่ำ และไม่ได้ชิปรุ่นท็อป ๆ ทำให้ทั้งโลกทึ่งกับการมาของ DeepSeek มาก ๆ เพราะเป็นเหมือนประตูที่ให้บิ๊กเทคจีนได้เฉิดฉายในวงการเช่นกัน

แม้กระทั่งสหรัฐฯ ยังรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนนี้ และมองว่า AI จีนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ เน้นย้ำถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศในด้านความเป็นผู้นำ AI เพราะขณะที่สหรัฐฯ ติดอยู่ในข้อถกเถียงทางการเมืองและการหยุดให้เงินทุน จีนกลับค่อย ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ให้ความสำคัญกับ AI เป็นหลัก โดยผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และการเติบโตของอุตสาหกรรมมากขึ้น กลยุทธ์ของเขาคือ ปิดช่องว่างในเทคโนโลยี AI หลัก และเข้มงวดกฎระเบียบเพื่อให้จีนก้าวล้ำหน้า

โดยเงินทุนภาคเอกชนด้าน Generative AI พุ่งสูงขึ้นเกือบห้าเท่าในเวลาเพียงหนึ่งปี จาก 650 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2023 เป็น 3,150 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2024 ซึ่งในปัจจุบัน จีนมีบริษัท AI มากกว่า 4,500 แห่ง คิดเป็นประมาณ 15% ของทั่วโลก

สหรัฐฯ เสี่ยงสูญเสียความเป็นผู้นำด้าน AI

นโยบายของ Trump ดูเหมือนจะเน้นผลประโยชน์ระยะสั้น เช่น ทำให้บริษัทใช้งาน AI ได้ง่ายขึ้น แต่อาจทำให้รากฐานของอุตสาหกรรมอ่อนแอลง หากมีการลดเงินทุน ปัญหาด้านตรวจคนเข้าเมือง และการเปลี่ยนนโยบาย AI อย่างต่อเนื่อง สหรัฐฯ อาจสูญเสียตำแหน่งผู้นำในเทคโนโลยี AI ให้กับประเทศอื่นที่ลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น แคนาดา ยุโรป และโดยเฉพาะจีน

เพราะจีนทุ่มทรัพยากรให้กับอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น การดูแลสุขภาพ การผลิต และพลังงาน ทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงที่จะล้าหลัง หากยังคงตัดเงินทุนวิจัย และสูญเสียบุคลากรที่มีพรสวรรค์ ทำให้สหรัฐฯ อาจต้องเฝ้าดูจากข้างสนามในที่สุด ขณะที่จีนครองตำแหน่งแชมป์ AI ระดับโลก

ทั้งหมดนี้ ทำให้เห็นว่า การสนับสนุนงานวิจัยแบบเปิด การลงทุนในมหาวิทยาลัย และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างนักวิจัย เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการรักษาความก้าวหน้าของ AI ในอนาคต

ที่มา: The Atlantic, Federal News Network, Inside Global Tech, National Law Review, Business Standard, Forbes, และ World Economic Forum

boompw Wed, 05/21/2025 - 16:10

Continue reading...
 



กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
Back
Top Bottom