กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see


News

news สรุปแนวทางการป้องกันภัยไซเบอร์ของ AOC, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กสทช., และ AIS

News 

Active member

Staff member
Moderator
Distributor
สรุปแนวทางการป้องกันภัยไซเบอร์ของ AOC, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กสทช., และ AIS
Body

ภัยไซเบอร์ยังเป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และคุกคามชีวิตคนไทยอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการใช้ AI และ Deepfake ต้มตุ๋นประชาชน ซึ่งได้สร้างความเสียหายมหาศาล ส่วนหนึ่งเห็นได้จากจำนวนคดีออนไลน์ 5 เดือนแรกในปี 2568 ทะลุ 134,000 เรื่อง และมูลค่าเสียหายรวมทะลุ 1.11 หมื่นล้านบาท

ซึ่งภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานต่าง ๆ ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า กำลังเร่งแก้ปัญหานี้ และได้ร่วมกันนำเสนอแนวทางป้องกันมิจฉาชีพ เพื่อให้ปี 2568 เป็น “ปีแห่งความปลอดภัยไซเบอร์” ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ ผ่านการนำเทคโนโลยีมาใช้รับมือกับอาชญากรรมออนไลน์

Blognone มีโอกาสเข้าร่วมเสวนา Zero Scam Thailand จัดขึ้นเพื่อให้แต่ละหน่วยงานเสนอแนวทางการแก้ปัญหาภัยไซเบอร์ โดยมีตัวแทนจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC), กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กสทช., และ AIS

การรับมืออาชญากรรมไซเบอร์ของภาครัฐ

เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) บอกว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการจัดการภัยไซเบอร์ โดยเริ่มจากการออก พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อปี 2565 เพื่อเป็นกรอบการทำงานของทุกหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาได้ตั้งศูนย์ AOC 1441 ซึ่งรวมการรับ แจ้งและดำเนินคดีอาชญากรรมไซเบอร์จากประชาชน เพื่อให้งานของตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานร่วมกันได้แบบ one-stop service โดย AOC มีอำนาจในการอายัดบัญชี เบอร์โทรศัพท์ และสินทรัพย์ดิจิทัลทันที

นอกจากนี้ ยังนำข้อมูลจากภาคเอกชน เช่น กลุ่มธนาคาร และผู้ให้บริการมือถือ เพื่อป้องกันการนำชื่อ และบัญชีผู้ใช้ไปใช้ในการหลอกลวง โดยสามารถตรวจสอบชื่อนามสกุลได้ทันที เมื่อมีผู้แจ้งความว่าถูกหลอกลวง และดำเนินการอายัดบัญชี หรือเบอร์มือถือที่เกี่ยวข้องทันที

เอกพงษ์บอกว่า แม้การแจ้งเรื่องร้องเรียนต่อศูนย์ AOC จะลดลงจากวันละ 4,000 สาย เหลือวันละ 2,000 สาย แต่ก็ยังจำเป็นต้องเดินหน้าให้ถึงเป้าหมาย Zero Scam Thailand ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ตำรวจไซเบอร์: จาก Deepfake ถึง False Base Station

พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เล่าว่าความก้าวหน้าของมิจฉาชีพยุคใหม่ ใช้ AI และ Deepfake ปลอมเสียงและภาพ เพื่อหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะการปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือธนาคารผ่านวิดีโอคอล

ซึ่งเทคนิคใหม่ที่ตำรวจพบคือการใช้ False Base Station อุปกรณ์พกพาที่ปล่อยสัญญาณปลอมเลียนแบบเสาสัญญาณมือถือ เมื่อมือถือของเหยื่อเชื่อมต่อ จะได้รับ SMS ปลอมทันที เช่น ข้อความจากธนาคารให้กดลิงก์หรือแจ้งว่ามีเงินคืน

ตำรวจจึงพัฒนาแอป Cyber Check เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบเบอร์บัญชี เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อความหลอกลวงก่อนจะตกเป็นเหยื่อ และเปิดรับอาสาสมัคร Cyber Eyes เพื่อเฝ้าระวังภัยไซเบอร์ร่วมกับเจ้าหน้าที่

หน้าที่กสทช. คือควบคุมความปลอดภัยโทรคมนาคม

สุธีระ พึ่งธรรม ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม กสทช. ย้ำว่าแนวทางของ กสทช. ในการสกัดภัยไซเบอร์เน้นการควบคุม 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:

  1. ซิมการ์ด: บังคับใช้การลงทะเบียนด้วย ข้อมูลไบโอเมตริกซ์เพื่อป้องกันซิมผี
  2. เสาสัญญาณ: ควบคุมความแรงและทิศทางของสัญญาณชายแดน ไม่ให้รั่วไปถึงกลุ่มมิจฉาชีพต่างประเทศ
  3. สายโทรศัพท์: ตรวจสอบผู้ให้บริการต่างชาติที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายในไทยว่า ถูกต้องตามใบอนุญาต

นอกจากนี้ กสทช. ยังพัฒนาแนวทางการเฝ้าระวังพฤติกรรม เช่น การโทรซ้ำบ่อยผิดปกติ หรือการส่ง SMS จำนวนมาก เพื่อนำข้อมูลเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานอื่น เช่น ปปง. และ สกมช.

บทบาท AIS ในการป้องกันภัยไซเบอร์

ศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS เล่าว่า บริษัทเริ่มรณรงค์ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ตั้งแต่ปี 2562 โดยเน้นให้ความรู้ก่อนเกิดเหตุ ผ่านหลักสูตรความรู้ไซเบอร์ ที่เข้าถึงนักเรียนระดับประถมและผู้สูงอายุทั่วประเทศ ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมแล้วกว่า 500,000 คน

นอกจากนี้ AIS ยังร่วมมือกับตำรวจและ กสทช. จำกัดจำนวนซิมการ์ดต่อคน และควบคุมสัญญาณบริเวณชายแดนเพื่อไม่ให้รั่วถึงกลุ่มมิจฉาชีพต่างประเทศ รวมทั้งมีบริการ AIS Secure Net ช่วยกรองเว็บไซต์อันตราย และฟีเจอร์ parental control ร่วมกับ Google เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชน

AIS ยังร่วมมือกับแบรนด์มือถือให้เพิ่มตัวเลือก ปิด 2G เพราะสถานีปลอมที่มิจฉาชีพใช้จะอาศัยจุดอ่อนในเครือข่าย 2G ซึ่งมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย เพื่อเจาะเข้าถึงมือถือผู้ใช้

ภัยไซเบอร์เป็นศูนย์ทำได้ ถ้าร่วมมือกัน

สิ่งที่ทั้ง 4 หน่วยงานพูดเหมือนกันคือ ภัยไซเบอร์มีความซับซ้อน และแนบเนียนขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง ตั้งแต่ระดับนโยบายไปจนถึงระดับชุมชน Zero Scam Thailand ก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ไกลเกินเอื้อม

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ นักเทคโนโลยี ผู้ให้บริการ หรือประชาชน ทุกคนมีบทบาทในการหยุดภัยไซเบอร์ เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

ที่มา: งานเสวนา Zero Scam Thailand: รวมพลังหยุดภัยไซเบอร์ สู่สังคมปลอดภัย

boompw Thu, 12/06/2025 - 00:46

Continue reading...
 



กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
Back
Top Bottom