สรุป AXONS UX/UI Day 2025 จุดเปลี่ยนวงการ UX/UI เมื่อ AI สร้างนิยามใหม่ 'การออกแบบ'
Body
สำหรับใครที่ทำงานอยู่ในสาย UX/UI งาน AXONS UX/UI Day: Redefining UX/UI Practices for the Future โดย AXONSคืออีกหนึ่งงานที่พลาดไม่ได้ เพราะนี่งานที่เป็นเหมือนพื้นที่เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการออกแบบ UX/UI พร้อมอัปเดตความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นล่าสุดในอุตสาหกรรม

โดยงานในครั้งได้รับเกียรติจากวิทยากร 14 ท่าน ทั้งทีมงานจาก AXONS ที่มีประสบการณ์ตรงในสายงาน ตลอดจนพาร์ทเนอร์จากบริษัทระดับโลก เช่น Figma และ Adobe เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์และวิสัยทัศน์บน 11 เวทีสนทนา พูดคุยเน้น ๆ ว่าวงการ UX/UI ในยุค AI เป็นอย่างไร

'ธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์' Director - IT Corporate Strategy & AloT, AXONS กล่าวในช่วงเปิดงานว่า UX/UI เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี เพราะหากไม่มีประสบการณ์การใช้งาน เทคโนโลยีที่ทันสมัยก็แทบจะไม่มีค่า ทำให้ AXONS ได้เริ่มนำกระบวนการต่าง ๆ เข้ามาพัฒนาทีมงาน UX/UI ซึ่งมีขนาดเกือบ 100 คน

AXONS อยู่เบื้องหลังการพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยีให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร มีกลุ่มผู้ใช้งาน (Persona) ที่กว้างมาก ตั้งแต่เกษตรกร สัตวบาล สัตวแพทย์ ไปจนถึงผู้บริหาร ซึ่งถือว่าค่อนข้างแปลกใหม่เมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีทั่วไป บทเรียนการปรับตัวในยุค AI ของบริษัทจึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าติดตาม

'ธีรพงษ์' บอกว่า ถ้าแวดวงนักพัฒนาต้องเจอกับ Vibe Coding หรือการโค้ดด้วย AI คนสาย UX/UI ก็กำลังเผชิญกับ Vibe Designing ซึ่งสามารถสร้างโปรโตไทป์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่ซับซ้อนออกมาได้ภายในไม่กี่วัน จนเกิดคำถามว่า Product Designer และ UX/UI Designer ยังจำเป็นอยู่หรือไม่? และจะมีบทบาทอย่างไรในการทำงานร่วมกับ AI ให้มีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์มากขึ้น

AXONS เชื่อมั่นว่า AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่คนทำงานด้าน UX/UI โดยเฉพาะในแง่ของการออกแบบที่ต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป นอกจากนี้ อีกเหตุผลสำคัญคือ ธรรมชาติของการออกแบบที่ดีคือผู้ออกแบบต้องเข้าใจมนุษย์ ซึ่งทุกวันนี้ AI ยังไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ได้ดีเท่ากับคนแบบเรา ๆ ดังนั้น เราต้องใช้ AI ให้ถูกงาน คือใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

'ดร. กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร' CEO ของ iApp Technology และนายกสมาคมกิตตมศักดิ์ ผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย ให้คำอธิบายสอดคล้องกับ 'ธีรพงษ์' ว่า บทบาทของคนทำงาน UX/UI จะเปลี่ยนไป

จากเดิมที่ทำงานแบบ Pixel-by-pixel หรือเน้นที่ตัวงานออกแบบ ไปสู่การเข้าใจ (Empathy) ความต้องการของลูกค้าและผู้ใช้งาน เพราะในเมื่อ AI ช่วยออกแบบได้ดีขึ้น สิ่งที่คนทำงานที่เป็นมนุษย์สามารถทำได้ก็คือการเข้าใจมนุษย์ด้วยกันเอง แล้วจึงนำความต้องการต่าง ๆ เข้ามาให้ AI ช่วยออกแบบต่อ

พูดง่าย ๆ คือดีไซเนอร์ต้องทำความเข้าใจความต้องการ (Motive) ของผู้ใช้ แล้วให้ AI ช่วยในการดำเนินงานจริง (Implementation) ผ่านการทำ Vibe Design คือสั่งการผ่าน AI ให้ช่วยออกแบบอินเตอร์เฟซซึ่งมาพร้อมกับโค้ด Front-End ที่ใช้งานได้จริง เช่น HTML หรือ CSS

ต่อจากนี้ ทักษะที่ดีไซเนอร์ต้องมีคือทักษะเชิงเทคนิค เช่น การใช้ Version Control (Git) และความรู้เรื่อง React Component เพื่อสั่งงานและตรวจสอบโค้ด Front-End ที่ AI สร้างขึ้น
'Samantha Lee' Designer Advocate จาก Figma ให้ความเห็นเพิ่มว่า AI ทำให้ทุกคนสามารถสร้างแอปที่ดีในระดับพอใช้ได้ (Good Enough) แต่เมื่อทุกคนทำได้ แอปที่พอใช้ได้จะกลายเป็นเรื่องดาษดื่นแล้ว แปลว่าต่อจากนี้ทีม UX/UI ต้องมี Design System ที่ดี

ก่อนหน้านี้ Design System อาจจะหมายถึง Component ต่าง ๆ ของแบรนด์เท่านั้น การนำ AI มาช่วยออกแบบ UX/UI เราต้องรัดกุมในเรื่อง Design System มากขึ้น โดยอาจครอบคลุมทั้ง Tone, Guideline, และ Template ของแบรนด์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผลลัพธ์ที่ได้จาก AI มีหน้าตาทั่วไป
'Samantha Lee' เล่าว่า อย่างในกรณีของ Figma ก็กำลังมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางแบบ Prompt-to-Prototype คือสั่ง AI แล้วก็จะได้ตัวต้นแบบออกมาเลย ผ่าน Code Connect ซึ่งจะเปลี่ยน Components ใน Figma Libraries ออกมาเป็นโค้ดจริงตัวต้นแบบจริง ๆ

อีกหนึ่งเทรนด์ที่สำคัญคือ การทำงานแบบ 'ลูกผสม' นอกจากนักออกแบบจะต้องมีความรู้เชิงเทคนิคแล้ว คนที่ไม่มีความรู้เรื่องการออกแบบ ก็จะต้องทำงานด้านการออกแบบพื้นฐานได้ ผ่านการใช้ AI ซึ่งนักออกแบบกำหนด Tone และ Guardrails เอาไว้แล้ว เพื่อให้ Non-Designer ออกแบบงานได้ในเบื้องต้น
ภายในงานยังมีเวทีสนทนาอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการนำ AI เข้ามาใช้ในทีมของ AXONS, การออกแบบ Design System ให้กับองค์กร, อนาคตของอาชีพด้าน UX/UI ไปจนถึงเวทีที่ว่าด้วยสุขภาพจิตในยุคที่เทคโนโลยีทำให้ชีวิตไม่แน่นอน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์กับคนในแวดวงเทคโนโลยี

สำหรับใครที่อยากดูตัวอย่างโมเดล AI 4 ตัว ที่ AXONS สร้างขึ้น ภายในงานก็ยังมี Showcase โมเดลทั้ง BaoBao, FlowFlow, PungPung และ DeeDee ซึ่งสร้างมาเพื่องาน UX/UI โดยเฉพาะ ให้ได้ลองใช้ นอกจากนี้ ยังมีบูธของพันธมิตร เช่น Figma และ Adobe และยังมีบูธ Design Salon คอยให้คำปรึกษาด้าน UX/UI ตัวต่อตัวอีกด้วย
งาน AXONS UX/UI Day 2025 เป็นอีกหนึ่งเวทีที่คนทำงานสาย UX/UI ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะได้อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ ทั้งในด้านทักษะการออกแบบและการทำงานแล้ว ยังได้เห็นมุมมองและประสบการณ์จริงจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน พร้อมเข้าใจภาพรวมของอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน
งานนี้ยังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้เทคโนโลยีและ AI จะเข้ามาช่วยให้งานออกแบบเร็วและง่ายขึ้น แต่บทบาทของมนุษย์ยังสำคัญเสมอ ทั้งการเข้าใจผู้ใช้ การตีความบริบท และการกำหนดทิศทางให้ผลงานออกมาตรงตามความตั้งใจ ทำให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่มาทำงานแทนคน
sponsored Tue, 25/11/2025 - 15:41
Continue reading...
Body
สำหรับใครที่ทำงานอยู่ในสาย UX/UI งาน AXONS UX/UI Day: Redefining UX/UI Practices for the Future โดย AXONSคืออีกหนึ่งงานที่พลาดไม่ได้ เพราะนี่งานที่เป็นเหมือนพื้นที่เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการออกแบบ UX/UI พร้อมอัปเดตความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นล่าสุดในอุตสาหกรรม

โดยงานในครั้งได้รับเกียรติจากวิทยากร 14 ท่าน ทั้งทีมงานจาก AXONS ที่มีประสบการณ์ตรงในสายงาน ตลอดจนพาร์ทเนอร์จากบริษัทระดับโลก เช่น Figma และ Adobe เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์และวิสัยทัศน์บน 11 เวทีสนทนา พูดคุยเน้น ๆ ว่าวงการ UX/UI ในยุค AI เป็นอย่างไร

'ธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์' Director - IT Corporate Strategy & AloT, AXONS กล่าวในช่วงเปิดงานว่า UX/UI เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี เพราะหากไม่มีประสบการณ์การใช้งาน เทคโนโลยีที่ทันสมัยก็แทบจะไม่มีค่า ทำให้ AXONS ได้เริ่มนำกระบวนการต่าง ๆ เข้ามาพัฒนาทีมงาน UX/UI ซึ่งมีขนาดเกือบ 100 คน

AXONS อยู่เบื้องหลังการพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยีให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร มีกลุ่มผู้ใช้งาน (Persona) ที่กว้างมาก ตั้งแต่เกษตรกร สัตวบาล สัตวแพทย์ ไปจนถึงผู้บริหาร ซึ่งถือว่าค่อนข้างแปลกใหม่เมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีทั่วไป บทเรียนการปรับตัวในยุค AI ของบริษัทจึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าติดตาม

'ธีรพงษ์' บอกว่า ถ้าแวดวงนักพัฒนาต้องเจอกับ Vibe Coding หรือการโค้ดด้วย AI คนสาย UX/UI ก็กำลังเผชิญกับ Vibe Designing ซึ่งสามารถสร้างโปรโตไทป์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่ซับซ้อนออกมาได้ภายในไม่กี่วัน จนเกิดคำถามว่า Product Designer และ UX/UI Designer ยังจำเป็นอยู่หรือไม่? และจะมีบทบาทอย่างไรในการทำงานร่วมกับ AI ให้มีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์มากขึ้น

AXONS เชื่อมั่นว่า AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่คนทำงานด้าน UX/UI โดยเฉพาะในแง่ของการออกแบบที่ต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป นอกจากนี้ อีกเหตุผลสำคัญคือ ธรรมชาติของการออกแบบที่ดีคือผู้ออกแบบต้องเข้าใจมนุษย์ ซึ่งทุกวันนี้ AI ยังไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ได้ดีเท่ากับคนแบบเรา ๆ ดังนั้น เราต้องใช้ AI ให้ถูกงาน คือใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

'ดร. กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร' CEO ของ iApp Technology และนายกสมาคมกิตตมศักดิ์ ผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย ให้คำอธิบายสอดคล้องกับ 'ธีรพงษ์' ว่า บทบาทของคนทำงาน UX/UI จะเปลี่ยนไป

จากเดิมที่ทำงานแบบ Pixel-by-pixel หรือเน้นที่ตัวงานออกแบบ ไปสู่การเข้าใจ (Empathy) ความต้องการของลูกค้าและผู้ใช้งาน เพราะในเมื่อ AI ช่วยออกแบบได้ดีขึ้น สิ่งที่คนทำงานที่เป็นมนุษย์สามารถทำได้ก็คือการเข้าใจมนุษย์ด้วยกันเอง แล้วจึงนำความต้องการต่าง ๆ เข้ามาให้ AI ช่วยออกแบบต่อ

พูดง่าย ๆ คือดีไซเนอร์ต้องทำความเข้าใจความต้องการ (Motive) ของผู้ใช้ แล้วให้ AI ช่วยในการดำเนินงานจริง (Implementation) ผ่านการทำ Vibe Design คือสั่งการผ่าน AI ให้ช่วยออกแบบอินเตอร์เฟซซึ่งมาพร้อมกับโค้ด Front-End ที่ใช้งานได้จริง เช่น HTML หรือ CSS

ต่อจากนี้ ทักษะที่ดีไซเนอร์ต้องมีคือทักษะเชิงเทคนิค เช่น การใช้ Version Control (Git) และความรู้เรื่อง React Component เพื่อสั่งงานและตรวจสอบโค้ด Front-End ที่ AI สร้างขึ้น
'Samantha Lee' Designer Advocate จาก Figma ให้ความเห็นเพิ่มว่า AI ทำให้ทุกคนสามารถสร้างแอปที่ดีในระดับพอใช้ได้ (Good Enough) แต่เมื่อทุกคนทำได้ แอปที่พอใช้ได้จะกลายเป็นเรื่องดาษดื่นแล้ว แปลว่าต่อจากนี้ทีม UX/UI ต้องมี Design System ที่ดี

ก่อนหน้านี้ Design System อาจจะหมายถึง Component ต่าง ๆ ของแบรนด์เท่านั้น การนำ AI มาช่วยออกแบบ UX/UI เราต้องรัดกุมในเรื่อง Design System มากขึ้น โดยอาจครอบคลุมทั้ง Tone, Guideline, และ Template ของแบรนด์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผลลัพธ์ที่ได้จาก AI มีหน้าตาทั่วไป
'Samantha Lee' เล่าว่า อย่างในกรณีของ Figma ก็กำลังมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางแบบ Prompt-to-Prototype คือสั่ง AI แล้วก็จะได้ตัวต้นแบบออกมาเลย ผ่าน Code Connect ซึ่งจะเปลี่ยน Components ใน Figma Libraries ออกมาเป็นโค้ดจริงตัวต้นแบบจริง ๆ

อีกหนึ่งเทรนด์ที่สำคัญคือ การทำงานแบบ 'ลูกผสม' นอกจากนักออกแบบจะต้องมีความรู้เชิงเทคนิคแล้ว คนที่ไม่มีความรู้เรื่องการออกแบบ ก็จะต้องทำงานด้านการออกแบบพื้นฐานได้ ผ่านการใช้ AI ซึ่งนักออกแบบกำหนด Tone และ Guardrails เอาไว้แล้ว เพื่อให้ Non-Designer ออกแบบงานได้ในเบื้องต้น
ภายในงานยังมีเวทีสนทนาอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการนำ AI เข้ามาใช้ในทีมของ AXONS, การออกแบบ Design System ให้กับองค์กร, อนาคตของอาชีพด้าน UX/UI ไปจนถึงเวทีที่ว่าด้วยสุขภาพจิตในยุคที่เทคโนโลยีทำให้ชีวิตไม่แน่นอน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์กับคนในแวดวงเทคโนโลยี

สำหรับใครที่อยากดูตัวอย่างโมเดล AI 4 ตัว ที่ AXONS สร้างขึ้น ภายในงานก็ยังมี Showcase โมเดลทั้ง BaoBao, FlowFlow, PungPung และ DeeDee ซึ่งสร้างมาเพื่องาน UX/UI โดยเฉพาะ ให้ได้ลองใช้ นอกจากนี้ ยังมีบูธของพันธมิตร เช่น Figma และ Adobe และยังมีบูธ Design Salon คอยให้คำปรึกษาด้าน UX/UI ตัวต่อตัวอีกด้วย
งาน AXONS UX/UI Day 2025 เป็นอีกหนึ่งเวทีที่คนทำงานสาย UX/UI ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะได้อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ ทั้งในด้านทักษะการออกแบบและการทำงานแล้ว ยังได้เห็นมุมมองและประสบการณ์จริงจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน พร้อมเข้าใจภาพรวมของอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน
งานนี้ยังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้เทคโนโลยีและ AI จะเข้ามาช่วยให้งานออกแบบเร็วและง่ายขึ้น แต่บทบาทของมนุษย์ยังสำคัญเสมอ ทั้งการเข้าใจผู้ใช้ การตีความบริบท และการกำหนดทิศทางให้ผลงานออกมาตรงตามความตั้งใจ ทำให้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่มาทำงานแทนคน
sponsored Tue, 25/11/2025 - 15:41
Continue reading...