ไมโครซอฟท์จัดระเบียบ USB-C บน Windows 11 บังคับต้องต่อจอได้ ชาร์จได้เสมอ
Body
ไมโครซอฟท์ประกาศจัดระเบียบการใช้งานพอร์ต USB-C ที่มีสารพัดสเปกจนผู้ใช้สับสน โดยจะมีผลกับฮาร์ดแวร์ Windows 11 ที่จะวางขายใหม่หลังจากนี้
ปัญหาของ USB-C ในปัจจุบันคือ พอร์ตหน้าตาแบบเดียวกัน แต่ใช้งานบางอย่างไม่ได้ เช่น ต่อภาพออกจอไม่ได้ ชาร์จไม่เร็วพอ ฯลฯ ซึ่งไมโครซอฟท์อธิบายว่าเกิดจากสเปก USB มีเวอร์ชันใหม่อยู่เรื่อยๆ มีทั้งเรื่องความเร็วการส่งข้อมูล และกำลังการชาร์จ แต่ผู้ใช้ตามไม่ทันว่า USB 3.2 Gen 2x2 แปลว่าอะไร ซึ่งกลุ่ม USB-IF เองก็พยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้
ไมโครซอฟท์ในฐานะผู้ควบคุมแพลตฟอร์ม Windows ผ่านกลไกการรับรองฮาร์ดแวร์ Windows Hardware Compatibility Program (WHCP) จึงพยายามแก้ปัญหานี้ โดยกำหนดสเปกและฟีเจอร์ขั้นต่ำของ USB-C ตามตาราง ผู้ผลิตพีซี (นับเฉพาะโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต) ที่ต้องการใส่พอร์ต USB-C เข้ามาจะต้องทำตามเงื่อนไขของตาราง ไม่สามารถหยิบจับสเปกมาใส่แบบตามใจตัวเองได้อีกต่อไป
ตารางของไมโครซอฟท์แบ่งกลุ่ม USB-C ออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ USB3 (5Gbps, 10 Gbps, 20 Gbps) และ USB4 (40Gbps, 80Gbps) มีข้อกำหนดตายตัวว่าถ้าต้องการโฆษณาพอร์ตแบบใด ต้องรองรับการจ่ายไฟ การต่อจอ รวมถึงการรองรับ Thunderbolt (ขั้นต่ำเวอร์ชัน 3) ตามที่กำหนด
ไมโครซอฟท์สัญญาว่า จากนี้ไปฮาร์ดแวร์โน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต Windows 11 จะต้องการันตีความมั่นใจให้ผู้ใช้ 2 ข้อดังนี้
เพื่อการทดสอบที่ทั่วถึง ไมโครซอฟท์ออกชุด Hardware Lab Kit (HLK) ให้พาร์ทเนอร์ OEM ใช้ทดสอบความเข้ากันได้ และออกชุดทดสอบ Microsoft USB Test Tool (MUTT) ให้ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมด้วย
สเปก WHCP เวอร์ชันนี้ออกมาพร้อม Windows 11 24H2 ที่ออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และน่าจะค่อยๆ มีผลบีบให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM เข้ามาอยู่ในร่องในรอยมากขึ้นต่อไป
ที่มา - Microsoft
mk Tue, 03/06/2025 - 15:46
Continue reading...
Body
ไมโครซอฟท์ประกาศจัดระเบียบการใช้งานพอร์ต USB-C ที่มีสารพัดสเปกจนผู้ใช้สับสน โดยจะมีผลกับฮาร์ดแวร์ Windows 11 ที่จะวางขายใหม่หลังจากนี้
ปัญหาของ USB-C ในปัจจุบันคือ พอร์ตหน้าตาแบบเดียวกัน แต่ใช้งานบางอย่างไม่ได้ เช่น ต่อภาพออกจอไม่ได้ ชาร์จไม่เร็วพอ ฯลฯ ซึ่งไมโครซอฟท์อธิบายว่าเกิดจากสเปก USB มีเวอร์ชันใหม่อยู่เรื่อยๆ มีทั้งเรื่องความเร็วการส่งข้อมูล และกำลังการชาร์จ แต่ผู้ใช้ตามไม่ทันว่า USB 3.2 Gen 2x2 แปลว่าอะไร ซึ่งกลุ่ม USB-IF เองก็พยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้
ไมโครซอฟท์ในฐานะผู้ควบคุมแพลตฟอร์ม Windows ผ่านกลไกการรับรองฮาร์ดแวร์ Windows Hardware Compatibility Program (WHCP) จึงพยายามแก้ปัญหานี้ โดยกำหนดสเปกและฟีเจอร์ขั้นต่ำของ USB-C ตามตาราง ผู้ผลิตพีซี (นับเฉพาะโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต) ที่ต้องการใส่พอร์ต USB-C เข้ามาจะต้องทำตามเงื่อนไขของตาราง ไม่สามารถหยิบจับสเปกมาใส่แบบตามใจตัวเองได้อีกต่อไป
ตารางของไมโครซอฟท์แบ่งกลุ่ม USB-C ออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ USB3 (5Gbps, 10 Gbps, 20 Gbps) และ USB4 (40Gbps, 80Gbps) มีข้อกำหนดตายตัวว่าถ้าต้องการโฆษณาพอร์ตแบบใด ต้องรองรับการจ่ายไฟ การต่อจอ รวมถึงการรองรับ Thunderbolt (ขั้นต่ำเวอร์ชัน 3) ตามที่กำหนด
ไมโครซอฟท์สัญญาว่า จากนี้ไปฮาร์ดแวร์โน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต Windows 11 จะต้องการันตีความมั่นใจให้ผู้ใช้ 2 ข้อดังนี้
- พอร์ต USB-C ทุกพอร์ต จะต้องรองรับการส่งข้อมูล การชาร์จ (USB-PD) และการต่อจอภาพ (DisplayPort Alt-Mode) เสมอ ถือเป็นขั้นต่ำของพอร์ต USB-C ใดๆ บนฮาร์ดแวร์ Windows 11 ที่ผ่านการทดสอบ WCHP แล้ว
- ฮาร์ดแวร์ที่ประกาศตัวว่ารองรับ USB4 40 Gbps จะต้องรองรับทุกฟีเจอร์ของ USB4 และ Thunderbolt 3 ในทุกพอร์ตของเครื่อง เสียบอุปกรณ์เหล่านี้แล้วใช้ได้เสมอ ในทางเทคนิคแล้วจะต้องรองรับฟีเจอร์ PCI Express tunnelling, DisplayPort สองจอ 4K 60Hz, จ่ายไฟล์ต่อพอร์ตอย่างน้อย 15W
เพื่อการทดสอบที่ทั่วถึง ไมโครซอฟท์ออกชุด Hardware Lab Kit (HLK) ให้พาร์ทเนอร์ OEM ใช้ทดสอบความเข้ากันได้ และออกชุดทดสอบ Microsoft USB Test Tool (MUTT) ให้ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมด้วย
สเปก WHCP เวอร์ชันนี้ออกมาพร้อม Windows 11 24H2 ที่ออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และน่าจะค่อยๆ มีผลบีบให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM เข้ามาอยู่ในร่องในรอยมากขึ้นต่อไป
ที่มา - Microsoft
mk Tue, 03/06/2025 - 15:46
Continue reading...