Microsoft Edge เปลี่ยนวิธีเขียน UI จาก React เป็น WebUI 2.0 เร็วขึ้นเฉลี่ย 40%
Body
ทีม Microsoft Edge เล่าความคืบหน้าของการเปลี่ยนวิธีเขียน UI ของเบราว์เซอร์ จากเดิมใช้ React มาเป็นการใช้โค้ด HTML/CSS พื้นฐานแทน ส่งผลให้การเรนเดอร์ UI ของ Edge เร็วขึ้นมาก
ไมโครซอฟท์อธิบายว่า เบราว์เซอร์ยุคปัจจุบันสามารถประมวลผล HTML/CSS บนหน้าเว็บได้เร็วมาก จุดตายไปอยู่ที่ JavaScript ซึ่งบวมขึ้นเรื่อยๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ตัว UI ของ Edge ที่เดิมเขียนด้วย React ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ ทีมไมโครซอฟท์จึงมีไอเดียว่า ถ้าเราเปลี่ยนมาสร้าง UI ด้วยเทคโนโลยีเว็บพื้นฐาน (markup-first architecture) ที่ไมโครซอฟท์ตั้งชื่อว่า "WebUI 2.0" น่าจะทำได้เร็วขึ้น
การเปลี่ยนผ่านเริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 โดยไมโครซอฟท์ค่อยๆ ทยอยเปลี่ยน UI ทีละส่วน เริ่มจากแถบ Browser Essentials ใน sidebar, หน้ารายการ Downloads และชุดล่าสุดคือ Settings, Read aloud, Split screen, Workspace
ผลของการเปลี่ยนแปลงคือ การโหลดหน้า UI เร็วขึ้นเฉลี่ย 40% ซึ่งบางหน้าเร็วกว่านั้น และไมโครซอฟท์สามารถทำเวลาแสดงผลเนื้อหาแรก (First Contentful Paint หรือ FCP) ได้ต่ำกว่า 300 ms หรือแทบจะโผล่ขึ้นมาบนจอทันทีในสายตามนุษย์นั่นเอง
ไมโครซอฟท์บอกว่ายังจะขยายการใช้ WebUI 2.0 ต่อไปเรื่อยๆ เป้าหมายต่อไปคือหน้า Print Preview และ Extensions
ที่มา - Microsoft (1), Microsoft (2), Microsoft (3)
mk Tue, 08/07/2025 - 09:55
Continue reading...
Body
ทีม Microsoft Edge เล่าความคืบหน้าของการเปลี่ยนวิธีเขียน UI ของเบราว์เซอร์ จากเดิมใช้ React มาเป็นการใช้โค้ด HTML/CSS พื้นฐานแทน ส่งผลให้การเรนเดอร์ UI ของ Edge เร็วขึ้นมาก
ไมโครซอฟท์อธิบายว่า เบราว์เซอร์ยุคปัจจุบันสามารถประมวลผล HTML/CSS บนหน้าเว็บได้เร็วมาก จุดตายไปอยู่ที่ JavaScript ซึ่งบวมขึ้นเรื่อยๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ตัว UI ของ Edge ที่เดิมเขียนด้วย React ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ ทีมไมโครซอฟท์จึงมีไอเดียว่า ถ้าเราเปลี่ยนมาสร้าง UI ด้วยเทคโนโลยีเว็บพื้นฐาน (markup-first architecture) ที่ไมโครซอฟท์ตั้งชื่อว่า "WebUI 2.0" น่าจะทำได้เร็วขึ้น
การเปลี่ยนผ่านเริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 โดยไมโครซอฟท์ค่อยๆ ทยอยเปลี่ยน UI ทีละส่วน เริ่มจากแถบ Browser Essentials ใน sidebar, หน้ารายการ Downloads และชุดล่าสุดคือ Settings, Read aloud, Split screen, Workspace
ผลของการเปลี่ยนแปลงคือ การโหลดหน้า UI เร็วขึ้นเฉลี่ย 40% ซึ่งบางหน้าเร็วกว่านั้น และไมโครซอฟท์สามารถทำเวลาแสดงผลเนื้อหาแรก (First Contentful Paint หรือ FCP) ได้ต่ำกว่า 300 ms หรือแทบจะโผล่ขึ้นมาบนจอทันทีในสายตามนุษย์นั่นเอง
ไมโครซอฟท์บอกว่ายังจะขยายการใช้ WebUI 2.0 ต่อไปเรื่อยๆ เป้าหมายต่อไปคือหน้า Print Preview และ Extensions
ที่มา - Microsoft (1), Microsoft (2), Microsoft (3)
mk Tue, 08/07/2025 - 09:55
Continue reading...