Open WebUI โครงการหน้าจอแชตยอดนิยมในโลกโอเพนซอร์ส ประกาศเปลี่ยนไลเซนส์จากเดิมใช้ BSD-3 ที่ให้อิสระอย่างมาก มาเป็น BSD-3 เวอร์ชั่นดัดแปลงที่บังคับห้ามลบแบรนด์ออกจากเว็บ
โครงการ Open WebUI เป็นโครงการที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถแชตกับปัญญาประดิษฐ์จากผู้ให้บริการต่างๆ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ที่รันบนเครื่องเองผ่าน ollama โดยมีความสามารถในการเชื่อมต่อระบบต่างๆ เช่น search engine, ระบบ OCR แปลงภาพเป็นข้อความ, การทำ RAG เพื่อค้นหาเอกสาร โดยโครงการได้รับดาวบน GitHub ถึง 93,000 ดวง นับว่าแซงหน้าคู่แข่งแบบเดียวกันเช่น LibreChat (ดาว GitHub 25,000 ดวง) หรือโปรแกรมเดสก์ทอปอย่าง Chatbox (ดาว GitHub 34,000 ดวง) อยู่ไกล ที่ผ่านมามีการใช้งาน Open WebUI ในวงกว้างอยู่หลายแห่ง เช่น บริการ Qwen Chat ก็ใช้ Open WebUI เป็นฐาน, หรือบริการ ChulaGENIE ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ตลอดจน ChatGen ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ทางโครงการประกาศเปลี่ยนไลเซนส์ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีผลจริงกับเวอร์ชั่น 0.6.6 ที่ออกเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเวอร์ชั่นก่อนหน้านั้นยังเป็นไลเซนส์ BSD-3 ปกติ
แนวทางการแก้ไขไลเซนส์ของ Open WebUI นับเป็นแนวทางที่ต่างจากโครงการอื่นๆ ที่เคยเป็นโอเพนซอร์สแต่ปรับไปใช้งานไลเซนส์อื่นๆ ไปเลย เช่น Redis หรือ Elasticsearch สาเหตุหนึ่งเนื่องจากตัวโครงการเป็นโครงการโอเพนซอร์ส และไม่ได้ขอให้ผู้ร่วมพัฒนายกโค้ดให้ผู้ดูแลโครงการแต่แรก ตอนนี้ทาง Open WebUI ก็เปลี่ยนนโยบายการส่งโค้ดเข้าโครงการ ให้ต้องยกสิทธิ์ขาดให้ผู้ดูแลโครงการไปพร้อมกัน
Tim Jaeryang Baek ผู้ดูแลโครงการ Open WebUI ตอบกลับกระทู้ที่มีผู้มาแสดงความไม่เห็นด้วยว่ายินดีหากจะมีคน fork โครงการออกไป
ที่มา - Open WebUI
Topics:
Open Source
LLM
Artificial Intelligence
Continue reading...
โครงการ Open WebUI เป็นโครงการที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถแชตกับปัญญาประดิษฐ์จากผู้ให้บริการต่างๆ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ที่รันบนเครื่องเองผ่าน ollama โดยมีความสามารถในการเชื่อมต่อระบบต่างๆ เช่น search engine, ระบบ OCR แปลงภาพเป็นข้อความ, การทำ RAG เพื่อค้นหาเอกสาร โดยโครงการได้รับดาวบน GitHub ถึง 93,000 ดวง นับว่าแซงหน้าคู่แข่งแบบเดียวกันเช่น LibreChat (ดาว GitHub 25,000 ดวง) หรือโปรแกรมเดสก์ทอปอย่าง Chatbox (ดาว GitHub 34,000 ดวง) อยู่ไกล ที่ผ่านมามีการใช้งาน Open WebUI ในวงกว้างอยู่หลายแห่ง เช่น บริการ Qwen Chat ก็ใช้ Open WebUI เป็นฐาน, หรือบริการ ChulaGENIE ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ตลอดจน ChatGen ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ทางโครงการประกาศเปลี่ยนไลเซนส์ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีผลจริงกับเวอร์ชั่น 0.6.6 ที่ออกเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเวอร์ชั่นก่อนหน้านั้นยังเป็นไลเซนส์ BSD-3 ปกติ
แนวทางการแก้ไขไลเซนส์ของ Open WebUI นับเป็นแนวทางที่ต่างจากโครงการอื่นๆ ที่เคยเป็นโอเพนซอร์สแต่ปรับไปใช้งานไลเซนส์อื่นๆ ไปเลย เช่น Redis หรือ Elasticsearch สาเหตุหนึ่งเนื่องจากตัวโครงการเป็นโครงการโอเพนซอร์ส และไม่ได้ขอให้ผู้ร่วมพัฒนายกโค้ดให้ผู้ดูแลโครงการแต่แรก ตอนนี้ทาง Open WebUI ก็เปลี่ยนนโยบายการส่งโค้ดเข้าโครงการ ให้ต้องยกสิทธิ์ขาดให้ผู้ดูแลโครงการไปพร้อมกัน
Tim Jaeryang Baek ผู้ดูแลโครงการ Open WebUI ตอบกลับกระทู้ที่มีผู้มาแสดงความไม่เห็นด้วยว่ายินดีหากจะมีคน fork โครงการออกไป
ที่มา - Open WebUI
Topics:
Open Source
LLM
Artificial Intelligence
Continue reading...